สำหรับวิธีล้างวัตถุดิบในการปรุงอาหารเป็นเรื่องสำคัญพอๆ กับการปรุงอาหารให้อร่อยเลยนะคะ เพราะว่า วิธีล้างเนื้อสัตว์ที่ถูกต้อง นับเป็นด่านแรกที่จะทำให้วัตถุดิบสะอาด มีคุณภาพดี และสามารถเก็บรักษาได้นานมากขึ้น ซึ่งไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้ หรือเนื้อสัตว์ มาดูวิธีการล้างเนื้อสัตว์ชนิดต่าง ๆ กันดีกว่านะคะว่าวิธีล้างเนื้อที่ถูกต้องนั้นเป็นอย่างไร
รวมเคล็ดลับ และ วิธีล้างเนื้อสัตว์ที่ถูกต้อง

1.วิธีล้างเนื้อหมู-เนื้อวัว

สำหรับวิธีล้างเนื้อหมู-เนื้อวัวนั้นมีหลายวิธีนะคะ เรามาลองมาดูว่าวิธีไหนวิธีล้างเนื้อหมู-เนื้อวัวที่ดี ที่สามารถเลือกทำได้ เริ่มต้นจากการคิดและวางแผนว่าเนื้อหมู-เนื้อวัว ของคุณจะใช้เลยไหม ถ้ายังไม่ใช้ทันทีให้หั่นในปริมาณที่ใช้แต่ละครั้งแบ่งใส่กล่องหรือถุงพลาสติกแล้วนำไปเก็บในช่องแช่แข็ง และเมื่อจะนำเนื้อหมู-เนื้อวัว มาปรุงอาหาร เมื่อละลายน้ำแข็งแล้วจึงนำมาล้าง ถ้าเนื้อมีกลิ่นสาบ เราแนะนำให้ใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำแช่ไว้ 5-10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด แล้วจึงนำไปหั่น และปรุงอาหารต่อไป
อีกหนึ่งเคล็ดลับคือล้างก่อนเก็บ โดยการนำเนื้อที่ซื้อมาล้างด้วยน้ำที่ผสมน้ำส้มสายชู หรือเกลือ หรือน้ำหมักผลไม้ (ไม่ควรแช่เนื้อสัตว์ไว้นานเพราะจะทำให้เสียคุณค่าและรสชาติ) นำมาล้างน้ำเปล่าให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นตามต้องการ แบ่งใส่ถุงหรือภาชนะที่เข้าช่องแช่แข็งได้ และเมื่อจะนำมาปรุงเพียงนำมาออกมาละลายน้ำแข็ง ปรุงได้ทันที
2.วิธีล้างเนื้อไก่ เป็ด ห่าน

สำหรับวิธีนี้เป็นการล้างแบบชิ้น ๆ โดยปกติแม่บ้านที่ทำอาหารเล็ก ๆ น้อย ๆ พอกินกันภายในครอบครัว ก็จะซื้อเป็นชิ้นส่วนต่าง ๆ อย่างเช่น เนื้ออก ปีก สะโพก น่อง หรือส่วนของเครื่องในต่าง ๆ ซึ่งมักเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้ว เพียงนำมาล้างให้สะอาด โดยล้างด้วยน้ำเปล่าใส่เกลือเล็กน้อย หรือว่าคุณจะฝานมะนาวลงไปล้างด้วย ก็จะช่วยล้างกลิ่นคาว หรือเมือกเลื่อนๆ ตามผิวหนังออกได้สะอาดขึ้นกว่าการล้างน้ำเปล่าธรรมดา จากนั้นแล้วนำขึ้นมาสะเด็ดน้ำ จากนั้นแบ่งใส่ถุงเข้าช่องแช่แข็ง
สำหรับการล้างเนื้อไก่ เป็ด ห่านทั้งตัว สำหรับบ้านไหนที่จำเป็นต้องซื้อทั้งตัว อาจจะยังมีขนเล็ก ๆ ติดอยู่ตามปีก ขา และหัว ก็อาจจะนำที่ถอนขนมาถึงขนออกให้หมด แล้วก็ล้างภายนอกให้สะอาด จากนั้นจึงค่อยผ่าท้องเพื่อนำเครื่องในออก สิ่งที่ต้องระวังคือ ไม่ให้ไส้ขาด เพราะว่าถ้าขาดแล้วของเสียที่อยู่ในไส้จะทะลักออกมา ส่วนวิธีการก็คือ สอดมือเข้าไปให้ชิดโครงกระดูก จนปลายนิ้วถึงหัวใจไก่ จากนั้นแล้วจึงดึงออกมาทั้งพวง จากนั้นตัดปลายไส้ออกจากทวาร เมื่อตัดออกมาแล้ว ล้าง เฉพาะส่วนทวารให้สะอาดเสียก่อน แล้วจึงล้างทั้งตัวต่อไป จากนั้นหั่นเป็นชิ้น หรือนำไปปรุงอาหารตามเมนูที่เตรียมไว้
3.วิธีล้างปลา

เพื่อเป็นการประหยัดเวลา เมื่อคุณซื้อปลาจากแม้ค้าในตลาดแล้วบอกให้แม่ค้าถอดเกล็ด ควักไส้ออกให้เลย เมื่อเรานำกลับมาบ้าน คุณก็เพียงล้างน้ำเปล่าให้สะอาด ใช้เกลือป่นลูบบนตัวปลา แล้วล้างออกให้สะอาด กลังจากนั้นจะนำไปประกอบอาหาร หรือเก็บเข้าช่องแช่แข็งก็ตามแต่สะดวกนั่นเอง
4.วิธีล้างหมึก

เมื่อเราได้หมึกกลับบ้านมาแล้ว ให้ทำการลอกเมือกออก ดึงหัว ถ้าเป็นหมึกตัวใหญ่ให้ผ่าตัวออกแล้วเอาแผ่นกระดองออก ล้างด้านในให้เกลี้ยง แต่ทว่าถ้าเป็นตัวเล็กไม่จำเป็นต้องผ่ากลางก็ได้ แต่ให้ล้างด้านในให้เกลี้ยง ส่วนหัวหมึก นำปากด้านใน ถุงหมึก และตาออก ล้างน้ำให้หมึกออกให้หมด
สำหรับการล้างหมึกทำได้หลายวิธี เช่น บีบน้ำมะนาวลงไปในน้ำที่ล้าง หรือว่าคุณจะใช้เกลือช่วยล้าง แต่ไม่ว่าจะนำอะไรมาล้าง ควรทำอย่างรวดเร็ว ไม่แช่หมึกไว้นาน ก่อนที่คุณจะนำมาปรุงถ้ารู้สึกว่ามีกลิ่นคาว ให้ใส่แป้งมันลงไปคลุกทิ้งไว้ 5-10 นาที แล้วล้างออก จะช่วยลดคาว และทำให้ปลาหมึกกรอบขึ้น แต่ถ้าหมึกที่ซื้อมาไม่สด
5.วิธีล้างกุ้ง

กุ้งไม่ปลอกเปลือก : นำกุ้งมาล้างด้วยน้ำเปล่า 2-3 รอบ จากนั้น ล้างด้วยน้ำผสมเกลือป่น และล้างด้วยน้ำสะอาด บางตำรากลัวว่ากุ้งที่ได้มาโดยเฉพาะกุ้งทะเลที่จะมีการแช่ฟอร์มาลีนมา ก็ให้เพิ่มขึ้นตอนโดยการ ผสมน้ำกับด่างทับทิม แล้วแช่กุ้งไว้ประมาณ 10 นาที จากนั้นแล้วก็ทำการล้างด่างทับทิมออกด้วยการเปิดน้ำให้ไหลผ่านกุ้ง แล้วก็ล้างด้วยน้ำเกลือก ตามด้วยน้ำเปล่า จนแน่ใจว่าด่างทับทิมออกหมด ก็จะนำไปปรุงได้ หรือจะเก็บเข้าช่องแข็งก็ได้ แต่ควรเก็บทันที
ลอกเปลือกกุ้ง : เมื่อได้กุ้งกลับมาบ้าน ควรจัดการแกะเปลือกกุ้งออก ผ่ากลางหลัง ดึงเส้นกลางออก ส่วนหัวกุ้งถ้าไม่ดึงออก ก็ให้เอาถุงขี้กุ้งออก (ถุงดำๆ เล็กในหัวกุ้ง) ต่อจากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาด แช่กุ้งในน้ำผสมเกลือ แล้วใช้น้ำแข็งโปะด้านบน รอจนน้ำแข็งละลายหมด คุณก็นำกุ้งไปปรุงได้เลย หรือถ้ายังไม่ปรุงก็เก็บเข้าช่องแข็ง เมื่อนำออกมาปรุง จะได้กุ้งที่มีเด้ง กรอบ แต่ต้องปรุงให้สุกโดยใช้ระยะเวลาสั้นๆ ค่ะ
*หมายเหตุ*นอกจากการล้างให้สะอาดแล้ว การเลือกซื้อก็สำคัญนะคะ เพราะว่าคุณก็ต้องเลือกอาหารสดใหม่ มาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ที่สำคัญไม่ควรซื้อมาตุนไว้ เพราะว่าความสดของอาหารจะลดลงนำมาประกอบอาหารแล้วไม่อร่อยนั่นเองค่ะ